โสเครติส(Socrates)
โสเครติส (4 มิถุนายน 470 ปีก่อนคริสตกาล - 7 พฤษภาคม 399 ปีก่อนคริสตกาล)(อักษรกรีกΣωκράτης; อักษรลาติน: Socrates) เป็นนักปราชญ์กรีชและเป็นชาวเมืองเอเธนส์
ซึ่งถือกันว่าเป็นผู้วางรากฐานของปรัชญาตะวันตก
โสเครตีส เป็นนักปรัชญาสำคัญคนหนึ่งของกรีก
เป็นผู้แสวงหาความจริงของสิ่งต่าง ๆ อย่างบริสุทธิ์ใจและจริงจัง
ไม่มุ่งหวังประโยชน์หรือ ลาภยศ ผู้ทำให้นักคิดนักปรัชญาเจ้าสำนักต่าง ๆ
ที่ไม่มีความรู้อย่างแท้จริงต้องยอมจำนนต่อเหตุผลและความจริง แม้กระทั่งผู้มีอำนาจของบ้านเมืองที่เป็นทรราชยังถูกเขาท้าทายอำนาจ
จนกระทั่งตนเองต้องถูกกลั่นแกล้งด้วยความเกลียดชังและถูกตัดสินให้ดื่มยาพิษเพื่ออุดมการณ์ของตนเอง
ประวัติ
:
โสเครตีสเกิดที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ
บิดาเป็นช่างเจียระไนอัญมณี เมื่อวัยเด็กได้รับการศึกษาด้านศาสนาและความรู้ทั่วไปตามแบบอย่างชาวกรีกสมัยนั้น
เมื่อเป็นหนุ่ม ชาวเผ่า
สปาร์ตายกกองทัพมารุกรานโสเครตีสสมัครเป็นทหารไปรบและได้สร้างวีรกรรมในสงครามอย่างกล้าหาญและอดทน
โดยสามารถช่วยเหลือเพื่อนคนหนึ่งให้รอดชีวิตกลับมาได้ ถึงแม้กองทัพเอเธนส์จะพ่ายแพ้ต้องล่าถอยกลับมา
โสเครตีสก็ไม่มีความตื่นตกใจ กลับสงบนิ่ง จนศัตรูยังเกรงขาม
แม่ทัพของเขายังกล่าวชมเชยว่า “ถ้าหากทหารทุกคนมีความกล้าหาญและเข้มแข็งอดทนเหมือนอย่างโสเครตีส
เอเธนส์จะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน” เมื่อสงครามผ่านพ้นไปแล้ว โสเครตีสแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งมีบุตรด้วยกัน
4 คน
ภรรยาของเขาเป็นหญิงอารมณ์ร้าย ชอบดุด่าและพร่ำบ่น
แต่โสเครตีสบังคับตัวเองให้อดทนอดกลั้นอยู่กับเธอได้
โสเครตีสมีนิสัยชอบสนทนากับนักปรัชญาสำคัญ ๆ
ของกรีก เพราะว่าขณะนั้นเขาเริ่มสนใจวิชาปรัชญาแล้ว ซึ่งคำว่าปรัชญาในสมัยนั้น
หมายถึง การคิดค้นหาคำตอบในเรื่องที่ยังไม่มีใครคิดมาก่อน
รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับโลกและชีวิต
โสเครตีสเป็นคนรูปร่างเตี้ยล่ำ
หน้าตาค่อนข้างอัปลักษณ์ และชอบสวมเสื้อผ้าเก่ายับย่น
แต่ว่ามีลูกศิษย์และผู้ติดตามมากมายเพื่อคอยฟังคำสอน
หรือถ้อยคำสนทนาของเขากับนักปรัชญาคนอื่น
วิธีการสนทนาของโสเครตีสเป็นการซักถามหรือไต่ถามด้วยการใช้หลักของเหตุและผลที่เรียกว่า “ ตรรกวิทยา ” เขาอาจจะเริ่มต้นการสนทนาด้วยเรื่องธรรมดา
หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญ จากนั้นจะป้อนคำถามที่แฝงซ่อนความหมายลึกซึ้งแก่คู่สนทนา
อันจะนำไปสู่จุดหมายของการสนทนาว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ผลดี ถูกต้องและน่าเชื่อถือ
เขาใช้วิธีการนี้แสวงหาความจริงของสิ่งต่าง ๆ เช่น เมื่อเกิดสงสัยใคร่รู้ในสิ่งใด
เขาก็จะไปหาผู้รู้หรือนักปรัชญาที่เชี่ยวชาญในด้านนั้น แล้วขอคำอธิบายโดยการซักถามจนกระทั่งได้คำตอบสุดท้ายที่เขาพอใจ
หรือไม่บางทีก็ทำให้ผู้รู้นั้นจนมุมไม่สามารถตอบได้ จึงพาลโกรธเกลียดโสเครตีสถึงกับเป็นศัตรูไปหลายราย
ลักษณะวิธีการซักถามเพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงในท้ายที่สุดของโสเครตีส
ก่อให้เกิดผลร้ายแก่เขาเสมอ มิหนำซ้ำลูกศิษย์หนุ่ม ๆ
ของเขายังนำวิธีการของอาจารย์ไปใช้กับผู้อาวุโสทั้งหลายและซักไซ้ไล่เลียงจนผู้อาวุโสจนมุม
ก็ยิ่งทำให้โสเครตีสถูกเกลียดชังจากคนทั่วไปมากขึ้น ถึงกับถูกกล่าวหาว่า
เป็นผู้ชักนำบรรดาคนหนุ่มสาวของเอเธนส์ไปในทางเสื่อมเสียและกระด้างกระเดื่อง มิใช่ว่าโสเครตีสจะเป็นคนไม่นับถือศาสนา
แต่เขาถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาว่า
เป็นคนไม่มีศาสนาและไม่เคารพเชื่อฟังผู้ปกครองบ้านเมืองในเวลานั้น
เขาจึงถูกคณะลูกขุนในศาลตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการดื่มยาพิษ
แต่ได้รับผ่อนผันให้คุมขังไว้ก่อนเป็นเวลา 1 เดือน ในช่วงเวลานั้นเพื่อนสนิทและลูกศิษย์ของเขาพยายามหาทางพาเขาหนีออกจากที่คุมขัง
แต่โสเครตีสปฏิเสธ เพราะเห็นว่าจะเป็นการทำลายความถูกต้องของกฎหมาย
และประชาชนทุกคนต้องเคารพกฎหมาย
โสเครตีสใช้เวลาช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตสนทนากับมิตรสหาย
ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้อย่างเสรี เกี่ยวกับปรัชญา ชีวิตและจิตวิญญาณ
จนกระทั่งในวันสุดท้ายโสเครตีสกล่าวคำอำลาแก่ทุกคน
แล้วรับเอายาพิษที่สกัดจากต้นเฮ็มล็อคจากผู้คุมมาดื่มจนหมดถ้วยด้วยอาการสงบเยือกเย็น
แล้วเดินไปมาจนกระทั่งหมดแรงจึงล้มตัวลงนอน จนกระทั่งสิ้นใจไปอย่างสงบเมื่ออายุ 70 ปี
โสเครติสเป็นปรัชญาเมธีที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก
เป็นปรัชญาเมธีที่มุ่งเน้นในการแสวงหาและคุณค่าแห่งปัญญาเมื่อสมัยเด็ก
โสเครตีสได้รับการศึกษาน้อยมาก แต่เป็นผู้ที่แสวงหาความรู้
โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับศีลธรรมและดวงวิญญาณ
ทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานประกอบกับเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นแสวงหาปัญญาอย่างต่อเนื่อง
ท่านจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษด้านศีลธรรมคนหนึ่งของโลก
ในกระบวนการแสวงหาความรู้ของโสเครตีส
ที่ใช้ได้ผลมากที่สุดคือ กระบวนการวิภาษวิธี (Dialectic) หลักการที่สำคัญของกระบวนการนี้คือ
การนำข้อเสนอที่มีเหตุผล (Thesis)
และข้อคัดค้าน (Antithesis) มาหักล้างกัน
กระบวนการนี้ทำให้ข้อเสนอที่ไม่มีเหตุผลตกไปคงเหลืออยู่เฉพาะข้อเสนอที่มีเหตุผล
ข้อคัดค้านที่มีเหตุผลมากกว่าจะสามารถหักล้างข้อเสนอที่มีเหตุผลน้อยกว่า
ในทำนองเดียวกันข้อคัดค้านที่มีเหตุผลด้อยกว่าจะไม่สามารถหักล้างข้อเสนอที่มีเหตุผลมากกว่า
ถ้าหากข้อเสนอใดถูกหักล้างไปโดยข้อคัดค้านที่มีเหตุผลมากกว่า
ก็จะนำเสนอข้อใหม่เพื่อคิดค้นกันต่อไป
ผลลัพธ์ระหว่างข้อเสนอและข้อคัดค้านที่มีเหตุผลคือ เป้าหมายของการแสวงหาคือ
ความจริงที่ถูกต้อง (Synthesis) กระบวนการวิภาษวิธีจึงเป็นกระบวนการสำคัญของโซเครตีสในการแสดงหาและอธิบายองค์ความรู้ที่แท้จริงแห่งชีวิตการเมือง
ด้วยวิธีการแสดงหาความรู้แบบวิภาษวิธีทำให้โสเครตีสถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการให้ดื่มยาพิษเสียชีวิต
โสเครตีสยอมถูกลงโทษ แต่โดยตีเพื่ออุดมการณ์ของตน
ด้วยโสเครตีสเป็นคนเคร่งด้านศีลธรรมดังกล่าวมาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ
โสเครตีส คือการแสวงหาปัญญาเพื่อเสริมสร้างชีวิตที่ดีและมีความสุขให้แก่ประชาชน
โสเครตีสเห็นว่ามนุษย์จะมีชีวิตที่ดีและมีความสุขจะต้องยึดมั่นในคุณธรรม
ผู้ปกครองต้องมีคุณธรรมและเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้และเข้าใจในคุณธรรม
เพื่อให้ทุกคนตระหนักในคุณค่าของคุณธรรมและยึดถือเป็นคุณค่าแห่งวิถีชีวิต
เพื่อชีวิตที่ดีของสังคม
คุณธรรมของนักการเมืองที่ดีตามแนวคิดของ โสเครตีส ได้แก่
(1) ปัญญา (Wisdoms) หมายถึงความรู้เกี่ยวกับความดี
คือรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ความดี สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล และเหตุผลของความดีจะทำให้มนุษย์มีความสุข
มนุษย์ส่วนมากทำความชั่วเพราะความโง่เขลา ไม่รู้ว่าความดีคืออะไร
ถ้ามนุษย์รู้ว่าความดีคืออะไร จะไม่ทำความชั่ว เพราะความชั่วทำให้เป็นทุกข์
มนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ต้องการความสุข ถ้ามนุษย์รู้ว่าความดีคืออะไร
เขาก็จะทำแต่ความดี เพราะความดีทำให้เกิดความสุข
ผู้ปกครองจะต้องเป็นผู้ประพฤติดีและเว้นความชั่วเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม
ให้ประชาชนมั่นใจว่าการประพฤติดีละเว้นความชั่วทำให้ชีวิตมีความสุข
การประพฤติชั่วถูกปฏิเสธจากสังคมและทำให้ชีวิตเป็นทุกข์
(2) ความกล้าหาญ (Courage) หมายถึง
ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เราควรกลัวและไม่ควรกลัว มีความกล้าหาญที่จะทำความดี แม้ในทุกสถานการณ์
ทุกสถานที่ การกระทำความดีนั้นจะเสี่ยงด้วยชีวิตก็ตามไม่ได้กล้าแบบบ้าปิ่น
แต่มีเหตุผลที่จะรักษาความดีให้ดำรงอยู่ต่อไป เช่น
ผู้ปกครองกล้าที่จะทำในสิ่งที่ดี กล้าปราบปรามในสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย
ไม่ทำอะไรที่มีสองมาตรฐาน การที่ปล่อยความชั่วให้คงอยู่เพื่อเอาตัวรอด
ทำให้ความดีสูญหายไปเป็นการกระทำที่ไม่ใช่วิสัยของผู้ปกครอง(3) ควบคุมตนเอง (Temperance) หมายถึง
การมีชีวิตตามทำนองคลองธรรมคุณงามแห่งความดี
การไม่ปล่อยให้ชีวิตต้องตกเป็นทาสของอารมณ์และความปรารถนาต่างๆ ที่ไม่ใช่ความดี
การได้ควบคุมตนเองทำให้ได้ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาได้อย่างเต็มที่
การใช้ปัญญาในการแสวงหาเหตุผลเพื่อรักษาตนให้ดำรงความดีอยู่ตลอดเวลา
ผู้ปกครองเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ต้องเป็นคนสาธารณะ
ฉะนั้นการได้รู้จักควบคุมตนเองมีโอกาสทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
ผู้ปกครองต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีตลอดเวลา
(4) ความยุติธรรม (Justice) หมายถึง
การแสดงออกในรูปของการกระทำที่เคารพสิทธิของคนอื่น
และการไม่ยอมทำความชั่วต่อผู้อื่น
คนที่ยุติธรรมไม่จำเป็นต้องตอบแทนการกระทำที่อยุติธรรมด้วยความอยุติธรรม
ผู้ปกครองต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้รักความยุติธรรม
และทำให้สังคมมีความยุติธรรมและสามารถให้ความยุติธรรมกับสังคม
กล้าที่จะดำรงความยุติธรรมไว้ให้ได้
ถ้าผู้ปกครองในสังคมใดไม่มีความยุติธรรมหรือไม่กล้าที่จะทำให้ความยุติธรรมเป็นที่เชื่อถือของสังคม
หรือมีสองมาตรฐานสังคมนั้นย่อมไม่มีความสุข วุ่นวาย
โสเครตีส เชื่อในหลักธรรมและความดี โสเครตีส
นั้นเชื่อว่าผู้ปกครองนั้นต้องมาจากผู้ที่มีความรู้หรือเป็นปราชญ์
เพราะผู้ที่มีความรู้หรือปราชญ์ย่อมทำแต่ความดีและรักษาความดี
เพราะความดีทำให้สังคมตลอดจนประชากรของสังคมมีความสุข
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โสเครตีสไม่ชอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในยุคของเอเธนส์
ที่เปิดโอกาสให้พลเมืองที่มีความรู้น้อยเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศโดยตรง
การปกครองที่ดีควรปกครองโดยราชาปราชญ์ หรือการปกครองในระบอบ อภิชนาธิปไตย